วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

PC เดสก์ทอป HP - ไม่มีเสียงจากลำโพง (Windows 8)

เอกสารนี้ใช้กับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป HP และ Compaq ที่ติดตั้ง Windows 8
ขั้นตอนในเอกสารชุดนี้ระบุวิธีแก้ไขปัญหาเมื่อไม่มีเสียงจากลำโพง
ขั้นตอนที่ 1: การใช้เครื่องมือแก้ไขปัญหาใน Windows 8
เครื่องมือแก้ไขปัญหาใน Windows 8 สามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้อัตโนมัติสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่น การบันทึกเสียง แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด แต่แนะนำให้ใช้เครื่องมือแก้ไขปัญหาก่อนพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
การเปิดชุดเครื่องมือแก้ไขปัญหา:
  1. เลื่อนเมาส์พอยเตอร์ไปที่มุมด้านล่างซ้ายของหน้าจอ คลิกขวา จากนั้นเลือก Control Panel (แผงควบคุม) จากเมนู
    รูปภาพ : Control Panel (แผงควบคุม)
    ภาพแผงควบคุมใน Win 8
  2. จาก System and Security (ระบบและความปลอดภัย) คลิก Find and fix problems (ค้นหาและแก้ไขปัญหา)
    รูปภาพ : ค้นหาและแก้ไขปัญหา
    ภาพแผงควบคุมและฟังก์ชั่นค้นหาและแก้ไขปัญหา
  3. คลิก Hardware and Sound (ฮาร์ดแวร์และเสียง)
    รูปภาพ : หน้าจอแก้ไขปัญหา
    ภาพหน้าจอแก้ไขปัญหาใน Win 8 โดยเลือกฟังก์ชั่นฮาร์ดแวร์และเสียง
ขั้นตอนที่ 2: การตรวจสอบเสียงจากเฮดโฟน
มีหัวต่อเฮดโฟนสองประเภทสำหรับคอมพิวเตอร์ HP แบบแรกรองรับเฉพาะการจ่ายสัญญาณเสียงไปยังเฮดโฟน แบบที่สองรองรับการจ่ายสัญญาณเสียงไปยังเฮดโฟนและการใช้ไมโครโฟน หัวต่อจะมีเครื่องหมายกำกับไว้
  • หัวต่อที่คอมพิวเตอร์ที่ระบุเฉพาะสำหรับเฮดโฟนอย่างเดียว รองรับการจ่ายสัญญาณเสียงเท่านั้นและใช้ได้กับเฮดโฟนสามขาปกติเพื่อจ่ายสัญญาณเสียง
    รูปภาพ : หัวเสียบสามขาแบบปกติ
    ช่องเสียบสามขาแบบปกติ
  • หัวต่อที่คอมพิวเตอร์ที่กำกับไว้สำหรับเฮดโฟนและไมโครโฟน รองรับสัญญาณเสียงและไมโครโฟนเมื่อใช้ร่วมกับเฮดโฟนแบบสี่ขาและไมโครโฟน
    รูปภาพ : หัวเสียบสี่ขา
    ช่องเสียบสี่ขา
    รับฟังเสียงโดยสามารถใช้หัวเสียบกับหัวต่อทั้งสองนี้ การใช้หัวเสียบสี่ขาที่รองรับไมโครโฟนสำหรับหัวต่อสามขาสามารถใช้เพื่อรับฟังเสียงได้แต่จะไม่สามารถใช้ไมโครโฟนได้เนื่องจากหัวต่อคอมพิวเตอร์สามขาไม่รองรับสัญญาณจากไมโครโฟน
ขั้นตอนที่ 3: การตรวจสอบระดับเสียงและค่าการปิดเสียงใน Windows 8
การตั้งค่าระดับเสียงสำหรับอุปกรณ์เสียงมากกว่าหนึ่งตัวขึ้นไปอาจได้รับการปิดใช้งานหรือตั้งไว้เบาเกินไป มีหลายสิ่งที่สามารถเปลี่ยนระดับเสียงได้ดังนี้ ปุ่มควบคุมระดับเสียงสำหรับลำโพงหรือจอภาพของคุณ การควบคุมระดับเสียงของ Windows และการควบคุมระดับเสียงในซอฟต์แวร์เสียง หากการควบคุมระดับเสียงใดๆ เหล่านี้ถูกปิดเสียงไว้หรือตั้งไว้เบาเกินไป จะมีผลกระทบต่อระบบเสียงทั้งหมด
  1. หากลำโพงเพาเวอร์ของคุณมีปุ่มควบคุมระดับเสียง ให้หมุนไปครึ่งหนึ่ง
    รูปภาพ : ปุ่มควบคุมระดับเสียงสำหรับลำโพง (ลำโพงของคุณอาจแตกต่างกัน)
    ปุ่มควบคุมระดับเสียงสำหรับลำโพง (ลำโพงของคุณอาจแตกต่างกัน)
    หากคุณใช้ลำโพงที่อยู่ในจอภาพของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเปิดใช้เสียงสำหรับจอภาพ และตั้งระดับเสียงไว้ครึ่งหนึ่ง ปรับการตั้งค่าเสียงสำหรับจอภาพของคุณโดยใช้ปุ่มบนจอภาพหรือเมนูบนหน้าจอ เมื่อต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้และการปรับการตั้งค่าลำโพงของจอภาพของคุณ โปรดดูที่เอกสารการสนับสนุนที่มาพร้อมกับจอภาพของคุณ
    รูปภาพ : ปุ่มระดับเสียงและเมนูบนจอภาพ (จอภาพของคุณอาจแตกต่างกัน)
    ปุ่มระดับเสียงและเมนูบนจอภาพ (จอภาพของคุณอาจแตกต่างกัน)
  2. เลื่อนเมาส์พอยเตอร์ไปที่มุมด้านล่างซ้ายของหน้าจอ คลิกขวา จากนั้นเลือก Control Panel (แผงควบคุม) จากเมนู
    รูปภาพ : Control Panel (แผงควบคุม)
    ภาพแผงควบคุมใน Win 8
  3. คลิก Hardware and Sound (ฮาร์ดแวร์และเสียง) จาก Sound (เสียง) คลิก Adjust system volume (ปรับระดับเสียงของเครื่อง)
    รูปภาพ : ปรับระดับเสียง
    ภาพตำแหน่งรายการปรับระดับเสียง
    รูปภาพ : มิกเซอร์เสียง
    มิกเซอร์เสียง
  4. ตรวจดูให้แน่ใจว่าระดับเสียงไม่ได้ปิดไว้ โดยดูที่ปุ่มปิดเสียงรูปสี่เหลี่ยมด้านล่างแถบเลื่อนระดับเสียง หากปุ่มนั้นมีวงกลมสีแดงขนาดเล็ก แสดงว่าปิดระดับเสียงไว้
    หากปิดระดับเสียงไว้ คลิกปุ่มปิดเสียงเพื่อเปิดเสียง วงกลมสีแดงบนไอคอนลำโพงอาจหายไปเมื่อไม่ได้ปิดเสียงไว้อีกต่อไป
    ปิดเสียง
    ไม่ได้ปิดเสีียง
  5. หลังจากตรวจสอบว่าไม่ได้ปิดเสียงไว้ ให้ลากตัวปรับระดับเสียงขึ้นไปจนถึงระดับ 75%
  6. เมื่อทำการทดสอบ คลิกแถบเลื่อนระดับเสียง หากคุณได้ยินเสียง ติ๊ง จากลำโพงทั้งหมด คุณได้แก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว
    รูปภาพ : การทดสอบระดับเสียง
    การทดสอบระดับเสียง
    หากยังไม่ได้ยินเสียง ให้ปรับลำโพงที่ใช้เป็นลำโพงเริ่มต้น จากนั้นทำการทดสอบ
ขั้นตอนที่ 4: การตั้งค่าลำโพงเริ่มต้นและการทดสอบใน Windows 8
ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตั้งค่าและทดสอบลำโพงเริ่มต้น
  1. เลื่อนตัวชี้เมาส์ไปที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ คลิกขวา แล้วเลือก Control Panel (แผงควบคุม) จากเมนู
    รูปภาพ : Control Panel (แผงควบคุม)
    ภาพแผงควบคุมใน Windows 8
  2. คลิก Hardware and Sound (ฮาร์ดแวร์และเสียง) จากนั้นคลิก Sound (เสียง)
    รูปภาพ : หน้าต่างเสียง
    ภาพหน้าต่างเสียงที่เลือกลำโพงและปุ่มคุณสมบัติไว้
  3. หากต่อเฮดโฟนไว้และไม่ได้ใช้เป็นลำโพงหลัก ให้ปลดสายเฮดโฟนตอนนี้ การต่อเฮดโฟนกับคอมพิวเตอร์จะเป็นการปิดเสียงลำโพงอื่น ๆ
  4. ค้นหาประเภทการเชื่อมต่อของคุณ หากมีการเชื่อมต่อมากกว่าหนึ่งประเภท เช่น HDMI และลำโพง ให้เลือกประเภทการเชื่อมต่อที่ต้องการใช้งาน
    ลำโพง
    หากใช้ลำโพงคอมพิวเตอร์หรือเฮดโฟนปกติ (อุปกรณ์อะนาล็อก) ให้เลือก Speakers (ลำโพง) นี่เป็นค่าเสียงเบื้องต้นสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป และครอบคลุมการใช้งานกับเฮดโฟน ลำโพงเดสก์ทอป และระบบเสียง 5.1 และ 7.1 จอภาพหลายแบบจะมีลำโพงในตัวและรองรับการเชื่อมต่อแบบลำโพงโดยใช้สายสัญญาณเสียงแยกเพื่อต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับจอภาพ (ไม่ใช่การเชื่อมต่อ HDMI)
    สัญญาณดิจิตอลขาออก
    หากต้องการส่งสัญญาณเสียงทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์ไปยังลำโพงดิจิตอลหรืออุปกรณ์ดิจิตอล อุปกรณ์เปิดเล่นจะต้องกำกับเป็น Digital Output (สัญญาณดิจิตอล)
    HDMI
    หากคอมพิวเตอร์รองรับการเชื่อมต่อ HDMI และคุณพยายามใช้ลำโพงของโทรทัศน์หรือจอภาพ อุปกรณ์เปิดเล่นจะต้องเลือกไว้เป็น HDMI
  5. จากหน้าต่าง Sound (เสียง) เลือก Playback Device (อุปกรณ์เปิดเล่น) จากนั้นคลิก Set Default (ตั้งค่าเริ่มต้น)
    รูปภาพ : Set Default (ตั้งค่าเริ่มต้น)
    ภาพตัวเลือก Set Default (ตั้งค่าเริ่มต้น) จากหน้าจอ Sound (เสียง) ใน Windows 8
  6. หลังจากเลือก Playback Device (อุปกรณ์เปิดเล่น) เริ่มต้นแล้ว ให้คลิกที่ Configure (กำหนดค่า)
  7. คลิกตั้งค่าลำโพงจาก Audio channels (ช่องสัญญาณเสียง)
    รูปภาพ : หน้าต่าง Speaker Setup (ตั้งค่าลำโพง) ที่เลือกระบบเสียง 5.1 เซอร์ราวด์ (ลำโพงห้าตัวและซับวูฟเวอร์หนึ่งตัว)
    หน้าต่าง Speaker Setup (ตั้งค่าลำโพง) ที่เลือกระบบเสียง 5.1 เซอร์ราวด์ (ลำโพงห้าตัวและซับวูฟเวอร์หนึ่งตัว)
  8. คลิก Test (ทดสอบ) เพื่อส่งสัญญาณเสียงไปที่ลำโพงแต่ละตัว หรือคลิกเลือกลำโพงที่ต้องการส่งสัญญาณเสียง
  9. หากได้ยินเสียงจากลำโพงแต่ละชุดถูกต้อง แสดงว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว
    หากไม่มีเสียงจากลำโพงทั้งหมดหรือบางตัว หรือหากมีการเปลี่ยนส่วนกำหนดค่า ให้ตั้งค่าลำโพงต่อโดยคลิก Next (ถัดไป) ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อสิ้นสุดการตั้งค่าลำโพง
    เปิดเล่นเสียง หากยังมีปัญหาระบบเสียง ให้ตรวจสอบการเชื่อมต่อลำโพง
ขั้นตอนที่ 5: การตรวจสอบการเชื่อมต่อลำโพงใน Windows 8
ใช้ขั้นตอนเหล่านี้เพื่อตรวจสอบว่าสายโพงต่อกับขั้วต่อสัญญาณเสียงถูกต้อง
  1. เลื่อนตัวชี้เมาส์ไปที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ คลิกขวา แล้วเลือก แผงควบคุม จากเมนู
    รูปภาพ : Control Panel (แผงควบคุม)
    ภาพแผงควบคุมใน Win 8
  2. คลิก Hardware and Sound (ฮาร์ดแวร์และเสียง) จากนั้นคลิก Sound (เสียง)
    รูปภาพ : หน้าต่างเสียง
    ภาพหน้าต่างเสียงซึ่งเน้นที่อุปกรณ์ลำโพง
  3. หน้าต่าง Speakers Properties (คุณสมบัติลำโพง) จะมีขั้วต่อกำกับรหัสสีสำหรับลำโพงแต่ละคู่ ใช้ข้อมูลนี้เพื่อพิจารณาว่าขั้วต่อใดใช้กับชุดลำโพงใด
    รูปภาพ : หน้าต่าง Speakers Properties (คุณสมบัติลำโพง) โดยตั้งค่าเสียง 7:1 เซอร์ราวด์ ไว้
    หน้าต่างคุณสมบัติลำโพง
    ตัวอย่างเป็นภาพการตั้งค่าเสียง 7.1 เซอร์ราวด์ โดย:
    • L R (เขียว, Line Out) ใช้สำหรับชุดลำโพงด้านหน้าซ้ายและขวา (ขั้วต่อสีเขียว โดยมากกำกับเป็น Line out)
    • RL RR (ส้ม) ใช้สำหรับชุดลำโพงหลังซ้ายและขวา
    • C Sub (ดำ) ใช้สำหรับลำโพงตัวกลางและซับวูฟเวอร์
    • SL SR (เทา) ใช้สำหรับชุดลำโพงฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
  4. สายลำโพงแต่ละเส้นจะต้องต่ออยู่กับขั้วต่อที่ถูกต้องที่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์ สีในหน้าต่าง Speaker Properties (คุณสมบัติลำโพง) จะต้องตรงกับสีที่คอมพิวเตอร์
  5. หากใช้ลำโพงระบบ 5.1 หรือสูงกว่านี้ ให้ต่อสายลำโพงเข้ากับ speaker hardware (มักจะอยู่ที่ซับวูฟเวอร์) จากนั้นเทียบสายลำโพงกับขั้วต่อที่คอมพิวเตอร์โดยใช้สีตามที่แสดงในหน้าต่าง Speaker Property (คุณสมบัติลำโพง)
  6. หากมีการเปลี่ยนการเชื่อมต่อลำโพง ให้ตรวจสอบสัญญาณเสียงอีกครั้งตามขั้นตอนในหัวข้อ ตั้งค่าลำโพงเริ่มต้นและทำการทดสอบ
    เปิดเล่นเสียง หากคุณยังไม่ได้ยินเสียง ให้ตรวจสอบเสียงจากเฮดโฟน
ขั้นตอนที่ 6: การตรวจสอบเสียงจากเฮดโฟน
หากยังไม่มีเสียง ให้ตรวจสอบสัญญาณเสียงขาออกโดยใช้เฮดโฟน
  1. ค้นหาสายต่อและปลดสายสัญญาณเสียงจากด้านหลังของคอมพิวเตอร์
  2. เสียบเฮดโฟนโดยตรงที่ช่องสัญญาณลำโพงขาออกด้านหลังคอมพิวเตอร์ ขั้วต่อสัญญาณลำโพงขาออกอาจมีรูปลำโพงหรือวงกลมพร้อมลูกศรชี้ออก หรืออาจกำกับเป็น OUT
  3. ทดสอบเสียงใน Windows ดับเบิลคลิกที่ไอคอนระดับเสียงจากทาสก์บาร์ จากนั้นคลิกที่แถบปรับระดับเสียงจาก Volume Mixer
    รูปภาพ : การทดสอบระดับเสียง
    การทดสอบระดับเสียง
    ทุกครั้งที่คลิกที่แถบควบคุมเสียงหลัก คุณจะได้ยินเสียงบี๊บจากเฮดโฟน
    • หากคุณได้ยินเสียงจากเฮดโฟน แสดงว่าอุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์ใช้งานได้ และปัญหาอาจไม่เกี่ยวกับลำโพงหรือสายลำโพง ปลดสายลำโพงและต่อลำโพงเข้าไปใหม่
      หลังจากเสร็จสิ้นให้ทำการทดสอบอีกครั้งโดยใช้ขั้นตอนเดิมข้างต้นกับแถบปรับระดับเสียง หากเสียงยังทำงานไม่ถูกต้องหลังต่อลำโพงใหม่ ให้ลองเปลี่ยนสายลำโพง (หากสามารถทำได้) หรือเปลี่ยนฟิวส์ลำโพงแล้วทำการทดสอบใหม่อีกครั้ง
    • หากไม่ได้ยินเสียงจากเฮดโฟน ให้ตรวจสอบว่าต่อลำโพงกับขั้วต่อถูกต้องแล้วลองใหม่อีกครั้ง หากไม่มีเสียง ให้เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปหากแน่ใจว่าเฮดโฟนต่อกับขั้วสัญญาณเสียงถูกต้องที่ด้านหลังคอมพิวเตอร์
    รูปภาพ : คอมพิวเตอร์ที่มีขั้วต่อสัญญาณเสียง 3 ขั้ว
    รูปภาพ : คอมพิวเตอร์ที่มีขั้วต่อสัญญาณเสียง 6 ขั้ว
ขั้นตอนที่ 7: การคืนค่าไดรเวอร์เสียงใน Windows 8
ไฟล์และค่าเสียงที่มีการเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดปัญหากับระบบเสียงได้ กู้คืนไดร์เวอร์เสียงเพื่อรีเซ็ตค่าเสียงสำหรับฮาร์ดแวร์เสียง และเริ่มการกำหนดค่าเสียงทั้งหมดใหม่ใน Windows
 บันทึก
หากคอมพิวเตอร์อัพเกรดเป็น Windows Vista ก่อนอัพเกรดเป็น Windows 8 คุณอาจไม่สามารถใช้งานคุณสมบัติทั้งหมดของอุปกรณ์เสียงในตัวที่รองรับมาตรฐาน Audio Codex '97 (AD '97) ได้ แก้ไขปัญหาโดยทำการอัพเกรดไดร์เวอร์เสียง ดูในขั้นตอนที่ 7: การอัพเดตไดร์เวอร์เสียง
ย้อนกลับไปใช้ไดร์เวอร์ที่ติดตั้งก่อนหน้าได้ผ่าน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
  1. เลื่อนตัวชี้เมาส์ไปที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ คลิกขวาและเลือก ตัวจัดการอุปกรณ์ จากเมนู
    รูปภาพ : ตัวจัดการอุปกรณ์
    ภาพ Device Manager ใน Windows 8
  2. ดับเบิลคลิกที่ Sound, video and game controllers (ระบบควบคุมเสียง วิดีโอและเกม)
  3. คลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์เสียง จากนั้นเลือก Properties (คุณสมบัติ)
    รูปภาพ : คุณสมบัติอุปกรณ์เสียงจาก Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)
    ภาพ Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) คุณสมบัติเสียง
  4. คลิกที่แท็บ Driver (ไดร์เวอร์)
     บันทึก
    อุปกรณ์เสียงจะแตกต่างกันไปตามส่วนกำหนดค่าของคอมพิวเตอร์
  5. คลิก Roll Back Driver (ย้อนไดร์เวอร์)
    รูปภาพ : ตัวอย่างคุณสมบัติอุปกรณ์เสียง - อุปกรณ์เสียงในคอมพิวเตอร์ของคุณอาจแตกต่างไปจากนี้
    ภาพตัวเลือกไดร์เวอร์สำหรับคุณสมบัติอุปกรณ์เสียง
  6. คลิก Yes (ใช่) เพื่อย้อนไปใช้ไดร์เวอร์ก่อนหน้า
  7. การทดสอบเสียง
หากยังไม่มีเสียง ให้ทำการอัพเดตไดร์เวอร์เสียง
ขั้นตอนที่ 8: การอัพเดตไดร์เวอร์เสียง
ไดร์เวอร์เสียงที่อัพเดตแล้วอาจแก้ไขปัญหาได้หากคอมพิวเตอร์มีปัญหาระบบเสียงหลังอัพเกรดระบบปฏิบัติการเป็น Windows 8 หรือหากคอมพิวเตอร์มีปัญหาระบบเสียงในโปรแกรมซอฟต์แวร์บางตัว
ขั้นตอนที่ 9: การตรวจสอบ Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ใน Windows 8
หากไม่ได้ยินเสียง ให้ตรวจสอบจาก Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) เพื่อพิจารณาสถานะของฮาร์ดแวร์เสียง
  1. เลื่อนตัวชี้เมาส์ไปที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ คลิกขวาและเลือก ตัวจัดการอุปกรณ์ จากเมนู
    รูปภาพ : ตัวจัดการอุปกรณ์
    ภาพ Device Manager ใน Windows 8
  2. ดับเบิลคลิกที่ Sound, video and game controllers (ระบบควบคุมเสียง วิดีโอและเกม)
  3. ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ตามการแสดงผลที่แจ้ง:
    • หากอุปกรณ์เสียงไม่อยู่ในรายการและคอมพิวเตอร์มีการ์ดเสียง ให้เสียบการ์ดเสียงใหม่ที่เมนบอร์ด ไปที่ขั้นตอนถัดไปหากยังเกิดปัญหาอยู่
    • หากอุปกรณ์เสียงปรากฏในรายการพร้อมลูกศรลง แสดงว่าอุปกรณ์ปิดใช้งานอยู่ คลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์เสียง จากนั้นเลือก Enable (เปิดใช้) เพื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์ใหม่ ไปที่ขั้นตอนต่อไปหากยังมีปัญหาหลังเปิดใช้งานอุปกรณ์แล้ว
      รูปภาพ : การเปิดใช้งานอุปกรณ์เสียงที่ปิดอยู่
      การเปิดใช้งานอุปกรณ์เสียงที่ปิดอยู่
    • หากมีอุปกรณ์เสียงแสดงอยู่ ให้คลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์ จากนั้นเลือก Properties (คุณสมบัติ) เพื่อดูข้อมูลการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติมจากหน้าต่าง Device Status (สถานะอุปกรณ์) หาก Device Status (สถานะอุปกรณ์) แจ้งว่าอุปกรณ์ทำงานได้ตามปกติ แสดงว่าปัญหาอาจอยู่ที่การตั้งค่าเสียง ลำโพง หรือสายสัญญาณ
ขั้นตอนที่ 10: การตรวจสอบฮาร์ดแวร์ของลำโพง (ระบบไฟ ลำโพงและฟิวส์)
ตรวจสอบลำโพงว่าสายไฟต่ออยู่และลำโพงได้รับไฟเลี้ยงหรือไม่
ลำโพงที่ต้องใช้ไฟเลี้ยงหลายตัว โดยเฉพาะที่มีซับวูฟเวอร์มักจะมีฟิวส์อยู่ด้วย หากไม่มีเสียงมาจากลำโพงแม้เพียงเล็กน้อย ให้ถอดและเปลี่ยนฟิวส์ใหม่ แม้จะไม่คิดว่าฟิวส์ขาด แต่ขอแนะนำให้เปลี่ยนฟิวส์เพื่อให้แน่ใจที่สุด หากฟิวส์ยังอยู่ในสภาพดี คุณก็จะมีฟิวส์สำรองไว้ใช้
  1. ปิดตัวจ่ายไฟไปยังซับวูฟเวอร์ แล้วถอดปลั๊กออกจากลำโพง
  2. นำฝาครอบฟิวส์ออก แล้วดูที่หลอดแก้ว หากฟิวส์ด้านในแยกกัน มีจุดสีดำหรือรอยไหม้ ให้เปลี่ยนฟิวส์ใหม่ หากฟิวส์ดูดี ให้เปลี่ยนฟิวส์ต่อไปและเก็บไว้ใช้เป็นฟิวส์สำรอง
  3. ซื้อฟิวส์ตัวใหม่ แนะนำให้นำฟิวส์เก่าไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อเป็นแบบในการซื้อฟิวส์ตัวใหม่ ฟิวส์เก่าใช้เพื่อเทียบกับฟิวส์ใหม่ที่ซื้อจากร้านว่าตรงกัน
  4. ใส่ฟิวส์ใหม่ ปิดฝาครอบฟิวส์ จ่ายไฟเลี้ยง เปิดลำโพงและทดสอบเสียง
เพื่อป้องกันความเสียหายต่อลำโพงและฟิวส์จากการไหม้ในอนาคต ให้พิจารณาข้อต่อไปนี้ขณะใช้คอมพิวเตอร์:
  • ปิดส่วนควบคุมระดับเสียงก่อนส่งไฟเลี้ยงไปยังลำโพง
  • ไม่ควรเพิ่มระดับเสียงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของช่วงแป้นควบคุม ลักษณะเดียวกับระบบโฮมสเตอริโอคุณภาพสูงอื่น ๆ การทำเช่นนี้จะลดคุณภาพของเสียงและทำให้ลำโพงทำงานหนัก คุณภาพเสียงที่ไม่ดีจะเกิดขึ้นหากเพิ่มระดับเสียงไปที่ระดับสูงสุด เสียงที่หลากหลายระหว่างปรับไปที่ระดับสูงสุดจะสร้างภาระหนักให้แก่ลำโพง
เปิดเล่นเสียง หากยังมีปัญหาระบบเสียง ให้ทดสอบฮาร์ดแวร์เสียงโดยใช้ HP Support Assistant ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารวิธีใช้ในหัวข้อ การใช้ HP Support Assistant (Windows 8)
อ้างอิงข้อมูลโดย : http://support.hp.com/th-th/document/c03572247

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น